การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพถือเป็นสิ่งที่ดีสำหรับร่างกาย ซึ่งควรจะออกกำลังกายเป็นประจำอย่างน้อย 3 – 5 วันต่อสัปดาห์ ถ้าสามารถทำได้ การออกกำลังกายเป็นประจำจะช่วยทำให้หัวใจแข็งแรง ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆน้อยลง เพิ่มความแข็งแรง และยังสามารถช่วยลดความอ้วนได้เป็นอย่างดีอีกด้วย โดยวิธีการออกกำลังกายนั้นทำได้หลายวิธีแตกต่างกันเช่น การเดินเร็ว ๆ การวิ่งเยาะ ๆ การเต้นแกว่งแขน ยกขา อยู่กับที่ ในบ้าน ในสนามหน้าบ้าน การรำมวยจีน ไทเก็ก การใช้ไม้พลองประกอบ การทำโยคะ การเต้นแอโรบิคที่ถูกต้อง หรือแม้แต่การใช้เครื่องออกกำลังกายต่างๆ และที่สำคัญมาก คือ จะต้องดูตัวเราเองว่า อายุ สุขภาพ ของเราเหมาะกับการออกกำลังกายแบบไหนดี ที่จะมีประโยชน์เหมาะกับร่างกายของเรามากที่สุด ไม่ใช่ว่าจะออกกำลังกายตามคนอื่น ๆ
หลายคนอาจตั้งคำถามนี้กับคนอื่นเพื่อเป็นการสอบถามข้อมูล ซึ่งจริง ๆ เราจะออกกำลังกายเพื่ออะไร เพื่อลดน้ำหนัก เพื่อสร้างกล้ามเนื้อกระชับสัดส่วน หรือออกเพื่อสุขภาพเท่านั้น เพราะจุดประสงค์ของการออกกำลังกาย จะสามารถเป็นตัวกำหนด เครื่องออกกำลังกาย ที่เหมาะสมกับเราได้
ด้วยเครื่องออกกำลังกายแต่ละชนิดนั้นมีประโยชน์ในแต่ละด้านของมันอยู่แล้ว จึงเป็นเหตุผลที่เราเลยอยากให้คุณสังเกตจากตัวเอง จึงจะเป็นเรื่องดีที่สุดสำหรับเรานั่นเอง โดยมีวิธีง่าย ๆ ดังนี้
– การตั้งเป้าหมายในการออกกำลังกาย
เมื่อเรารู้เป้าหมายในการออกกำลังกายของเราแล้ว จะช่วยให้เราเลือกซื้อเครื่องออกกำลังกายได้ตรงตามวัตถุประสงค์ และปลอดภัย อย่างเช่น ต้องการสุขภาพที่แข็งแรง โดยปกติอาจจะออกกำลังกายจากเดิม 1วัน/อาทิตย์ ก็อาจเพิ่มเป็น 5 วัน/อาทิตย์ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันต่าง ๆ และสุขภาพที่แข็งแรง แม้กระทั่งต้องการจะลดน้ำหนัก ที่มีจากเดิม 85 กิโลกรัม และมีเป้าหมายที่อยากให้เหลือประมาณ 65 กิโลกรัม เป็นต้น เพื่อเป็นการตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนเพราะถ้าหากเราไม่มีเป้าหมาย จะทำให้เราตัดสินใจไม่ถูก หรือหากตัดสินใจซื้อมาแล้ว ก็อาจทำให้ไม่ได้มีแรงจูงใจ และปล่อยเครื่องออกกำลังกายทิ้งไว้ จะทำให้เราใช้ได้อย่างไม่คุ้มค่า
– อายุและสภาพร่างกายของผู้ใช้เครื่องเล่น
อายุหรือวัยมีความสำคัญต่อการเลือกซื้อเครื่องออกกำลังกายเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าอุปกรณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น เครื่องปั่นจักรยาน ลู่วิ่งไฟฟ้า หรือการเล่นเวท มีความหนักเบาไม่เท่ากัน มีผลโดยตรงต่ออายุและสมรรถภาพร่างกาย ที่มีความยืดหยุ่นตามการใช้งาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ เรื่องอัตราการเต้นของหัวใจ จึงเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเลือก
อย่างเช่น หากต้องการซื้อให้พ่อแม่ที่บ้านได้ออกกำลังกายด้วย ก็ควรจะซื้อเครื่องออกกำลังที่มีกำลังเล่นที่เบา สบายต่อการออกกำลังกาย หรือหากมีปัญหาเรื่องกระดูกช่วงแขน ก็ไม่ควรจะเล่นเวทหนัก ๆ อาจก่ให้เกิดอาการบาดเจ็บเรื้อรังได้ เป็นต้น
– ความชอบในการออกกำลังกาย
ถ้าเราไม่มีปัญหาด้านร่างกายใดใดเลย ก็ให้สังเกตง่าย ๆ ว่า เราเป็นคนชอบออกกำลังกายแบบไหน เช่น ชอบวิ่ง ชอบปั่นจักรยาน หรือชอบออกกำลังกายแบบเบา ๆ ผ่อนคลายร่างกาย เหตุผลง่าย ๆ แค่นี้ก็ทำให้คุณสามารถเลือกอุปกรณ์ได้แล้วครับ
เพราะบางคนอาจจะชอบความเร็วเคลื่อนไหวร่างกายเยอะ ๆ เพื่อเรียกความฟิตและความแข็งแรง แต่สำหรับที่เป็นมนุษย์บ้างานวัน ๆ ทำแต่งาน ก็อาจจะชอบออกกำลังกายเบา ๆ เพื่อต้องการเพียงยืดเส้นยืดสายผ่อนคลายสมอง
– น้ำหนักผู้ใช้ที่สูงที่สุด
เครื่องออกกำลังกายที่เราจะซื้อไปนั้นเราใช้เพียงคนเดียว หรือคนในบ้านมีใครใช้กับเราบ้าง เพื่อจะได้ซื้ออุปกรณ์ที่รับได้น้ำหนักได้อย่างถูกต้อง อย่างเช่น ตามฟิตเนสที่ลู่วิ่งไฟฟ้านั้นสามารถรับน้ำหนักได้ถึง 150-200 กิโลกรัม เพื่อรองรับต่อผู้ใช้ทุกคน
หรือในกรณีที่คุณนั้นมีปัญหาในเรื่องของน้ำหนัก แถมยังมีปัญหาเรื่องของข้อเข่า ก็ควรหลีกเลี่ยงการใช้ลู่วิ่ง ไปใช้เครื่องปั่นจักรยานที่มีความแข็งแรงสามารถรับน้ำหนักได้เยอะ ซึ่งจะเป็นกลุ่ม จักรยานนั่งปั่น ซึ่งใช้ข้อเข่าได้อย่างสบาย แถมยังสามารถช่วยเพิ่มความแข็งแรงได้ด้วย
– ขนาดพื้นที่ในการวางเครื่องออกกำลังกาย
วัดพื้นที่ภายในบ้านบริเวณที่ต้องการจะนำเครื่องออกกำลังกายมาไว้ และเช่นเดียวกัน ให้ดูขนาดของสิ่งที่เราต้องการจะซื้อ เพื่อจะได้ไม่เป็นปัญหาต่อการจัดวางและการใช้งาน
– งบประมาณในการซื้อเครื่องออกกำลังกาย
สิ่งนี้ทุกคนน่าจะต้องรู้อยู่แล้ว เนื่องจากงบที่จำกัดของแต่ละคน ซึ่งถ้าเรามีจำนวนเงินกำหนดไว้แล้วว่าต้องการจะซื้อเท่าไหร่ ที่เหลือเราก็แค่เลือกสเปคและการใช้งานให้คุ้มค่าต่อราคาที่จ่ายไปเท่านั้น